บทคัดย่อ
จากการศึกษาแนวทางในการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืน มีวัตถุประสงค์ (1) ศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคเพื่อให้ทราบถึงแนวทางการพัฒนาอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืน (2) เพื่อศึกษาถึงทัศนคติเกี่ยวกับการให้คุณค่าในพื้นที่และการเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์ (3) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนต่อทรัพยากรการท่องเที่ยว การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอุทยานฯ ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และผู้ให้ข้อมูลรอง คือ สถานประกอบการ และนักท่องเที่ยว จำนวนทั้งสิ้น 28 คน รวมถึงการสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม โดยนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และสรุปผล เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข จากการศึกษาพบว่า (1) อุทยานฯ มีปัญหาที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้คือ ปัญหาลักลอบตัดไม้พะยูง ปัญหาสัตว์ป่าอันเนื่องมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ และพฤติกรรมของผู้ที่มาเยือนอุทยานฯ เขาใหญ่ (2) ด้านทัศนคติพบว่า ผู้ให้ข้อมูลหลักเล็งเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เนื่องจากต้องดูแลผืนป่าสงวนที่มีผลต่อความมั่นคงระดับชาติ สำหรับผู้ให้ข้อมูลรองจะให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่เพราะเป็นแหล่งอาศัยและใช้ทำมาหากินจึงก่อให้เกิดความหวงแหน สำหรับนักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งที่ได้สัมภาษณ์จะเล็งเห็นความสำคัญและคุณค่าของพื้นที่ (3) ด้านการให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนพบว่า ผู้ให้ข้อมูลหลักจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีหน้าที่ในการอนุรักษ์และปกป้องอุทยานฯ ในฐานะที่เป็นมรดกโลก สำหรับสถานประกอบการที่อยู่รอบอุทยานฯ จะให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเพราะจำเป็นต้องพึ่งพาอุทยานฯ ในการประกอบอาชีพ และสำหรับนักท่องเที่ยว จะให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง
THE DEVELOPMENT OF KHAO YAI NATIONAL PARK
FOR SUSTAINABLE TOURISM
บทคัดย่อ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
วิธีดำเนินการวิจัย
ผลการวิจัย
1. ด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบทางกฎหมาย
เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีกฎระเบียบและข้อกฎหมายที่มีเนื้อหาครอบคลุมเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติอยู่ ซึ่งกำหนดขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ส่วนด้านความเข้มงวดของข้อกฎหมาย ผู้ให้ข้อมูลหลักให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า พ.ร.บ.อุทยานฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มีความเข้มงวดอยู่ในตัวบทกฎหมาย โดยผู้ให้ข้อมูลหลัก 1 คนมีทัศนคติที่ต่างออกไปว่า กฎหมายที่บังคับใช้จะเข้มงวดหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ และการที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดและเข้มงวด มีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยมีความรู้ด้านกฎหมาย และยังพบอีกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความร่วมมือในการปฏิบัติได้มากกว่านักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง คือ การให้อาหารสัตว์ป่า ทิ้งขยะไม่เป็นระเบียบ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเขตอุทยานฯ และการส่งเสียงดัง เป็นต้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ อภิชญา พูลสวัสดิ์ (2556) ซึ่งพบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกระทำพฤติกรรมทางลบสูงกว่านักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ยกเว้นเรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลทางสถิติไม่แตกต่างกันเท่าใด เป็นผลมาจากกฎหมายในต่างประเทศมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงกว่าประเทศไทย เจ้าหน้าที่ในต่างชาติมีความเด็ดขาด ไม่มีการประนีประนอม ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในต่างประเทศมีตัวเลขผู้กระทำผิดไม่สูง ในด้านมาตรการรองรับที่ทางอุทยานฯ ดำเนินการ คือ โครงการตาสับปะรดและโครงการประชาสัมพันธ์ 4 ม ที่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอุทยานฯ ตามแนวคิด “หัวใจสีเขียว” (Green Heart) คือ หัวใจที่เคารพในวิถีแห่งธรรมชาติ สร้างทัศนคติ ความรู้สึกนึกคิด การรับรู้ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ พบว่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ขาดการประชาสัมพันธ์แบบต่อเนื่องโดยประชาสัมพันธ์เพียงช่วงเทศกาลหรือช่วงที่มีนักท่องเที่ยวมากเท่านั้น สื่อที่ใช้ประชาสัมพันธ์มีข้อมูลไม่ครบถ้วนคือ ระบุเพียงข้อห้ามแต่ไม่มีการอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน และข้อความที่ประชาสัมพันธ์มีเพียงภาษาไทย ไม่มีเนื้อหาที่ทำให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านการสื่อสารภาษาต่างประเทศและการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว
2.1) สถานประกอบการ ส่วนใหญ่จะมีส่วนร่วมในการช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจกรรมต่าง ๆ โดยประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Social Network และผ่านทางนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักที่โรงแรมหรือเข้ามารับประทานอาหารภายในร้านอาหาร ผู้ให้ข้อมูลรองบางส่วนให้การสนับสนุนด้านอาหารแก่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ออกลาดตระเวน บางส่วนก็เข้าร่วมกิจกรรมของทางอุทยานฯ โดยตรง เช่น กิจกรรมปลูกป่า ทำฝายชะลอน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อยู่ในกรอบแนวคิด “ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” (Green Plus) คือ การมีกิจกรรมหรือการบริจาคให้คืนกลับแก่ธรรมชาติด้วยความเต็มใจ อีกทั้งบางส่วนยังมีส่วนร่วมในการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่และจัดการขยะตามหลักการอนุรักษ์ มีการบำบัดน้ำเสีย ติดตั้งท่อดักไขมัน กรองเศษอาหาร และลดของเสียก่อนทิ้ง ซึ่งอยู่ในขอบข่ายแนวคิด “ชุมชนสีเขียว” (Green Community) คือ แหล่งท่องเที่ยวที่มีความรู้ที่จะบริหารจัดการการท่องเที่ยวในทิศทางที่ยั่งยืน เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันเป็นอัตลักษณ์ของชุมชน เห็นแก่ส่วนรวม จะทำให้การท่องเที่ยวของชุมชนยั่งยืนไปได้ตลอด ซึ่งระดับการให้ความร่วมมือจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจและการให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม สอดคล้องกับแนวคิดของ พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ ที่ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การจัดการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน : กรณีศึกษา บ้านโคกไคร จังหวัดพังงา ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบหลักของการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืนของกลุ่มการท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกไคร คือ ศักยภาพทางการท่องเที่ยว กระบวนความคิดแบบยั่งยืนในด้านการมีจิตสำนึกที่ดีในการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความยั่งยืนของทรัพยากรทางการท่องเที่ยวมากกว่าการมุ่งเน้นผลประโยชน์ด้านรายได้ มุ่งที่จะใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยผู้นำชุมชนเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนได้มีโอกาสมีส่วนร่วมกับการดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม (พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์, 2557)
จากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลัก พบว่า เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลในแต่ละภาคส่วนมีไม่เพียงพอ ซึ่งทางรัฐบาลก็ไม่สามารถให้การสนับสนุนได้เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก โดยสาเหตุที่เจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอเกิดจาก 3.1) รัฐบาลไม่มีเงินสนับสนุนเพียงพอ 3.2) ขาดการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลอย่างเหมาะสม เช่น เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามเป็นหลัก แต่ปัจจุบันได้นำเจ้าหน้าที่บางส่วนไปช่วยดูแลด้านความปลอดภัยและให้บริการนัก ท่องเที่ยว ทำให้จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ต้องลาดตระเวนผืนป่าจะน้อยลง 3.3) เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชา และ 3.4) รายได้และเบี้ยเลี้ยง ซึ่งส่งผลต่อความตั้งใจและความซื่อสัตย์ในหน้าที่การงาน ผลกระทบคือเจ้าหน้าที่ที่มีศักยภาพต้องลาออกและไปหางานใหม่ที่มีค่าตอบแทนที่ดีกว่า
4. ด้านปัญหาและอุปสรรคของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อการอนุรักษ์และการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
5.1) ผู้ให้ข้อมูลหลัก มีความคิดเห็นว่าเป็นนโยบายที่ดี เพราะเป็นการพัฒนาด้านการคมนาคมควบคู่กับการอนุรักษ์ ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ต่าง ๆ กล่าวคือ ถนนเส้น 304 นั้นเป็นถนนที่แคบและลาดชัน ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ในการพัฒนาครั้งนี้จะทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้น ทั้งยังเป็นถนนเส้นหลักในขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คำนึงถึงการลดผลกระทบทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์ป่า โดยได้ทำสะพานยกระดับคู่ เพื่อให้สัตว์ลอดไปมาระหว่างพื้นที่ป่าทั้ง 2 แห่งซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสัตว์ป่าในถิ่นอาศัย เรื่องของการขยายถิ่นอาศัย การเพิ่มขึ้นของแหล่งอาหาร การขยายพันธุ์ของสัตว์ป่าที่อาจใกล้สูญพันธุ์ และแก้ปัญหาการสืบพันธุ์ของสัตว์ป่าในสายเลือดเดียวกันเอง และ 5.2) ผู้ให้ข้อมูลรอง ส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องโครงการเชื่อมผืนป่า ทราบเพียงเรื่องการขยายถนนเส้น 304 และมีทัศนคติเป็นกลางในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมจาก 2 เลนเป็น 4 เลน คือ มีความเห็นที่สอดคล้องกัน หากการพัฒนาไม่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติจนเกินความเหมาะสม ผู้ให้ข้อมูลบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการขยายถนนเส้น 304 พวกเขาได้เล็งเห็นถึงข้อเสียที่จะเกิดขึ้น เช่น ปัญหามลพิษจากการก่อสร้างและมลพิษทางอากาศที่เกิดจากจากควันรถ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่ามากขึ้น แต่บางส่วนเห็นว่า การพัฒนานั้นจะส่งผลดีต่อธุรกิจ เพราะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก สามารถสนองความต้องการของมนุษย์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้วิจัยได้ค้นพบสาเหตุที่ผู้ให้ข้อมูลรองไม่เห็นด้วยต่อการขยายถนนว่า ผู้ให้ข้อมูลรองส่วนใหญ่ทราบแต่เพียงเรื่องการขยายถนนเส้น 304 จึงทำให้ผู้ให้ข้อมูลรองเหล่านั้นแสดงความไม่เห็นด้วยเพราะขาดความเข้าใจถึงเหตุผลและข้อสนับสนุนในการพัฒนาดังกล่าว เมื่อผู้วิจัยได้ทำการอธิบายถึงเหตุผลโดยมีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เชื่อถือได้ ผู้ให้ข้อมูลรองเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทัศนคติ โดยแสดงความ เห็นด้วยกับการพัฒนาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าสื่อที่ประชาสัมพันธ์หากมีเนื้อหาครบถ้วน ชัดเจน เข้าใจง่าย เชื่อถือได้และมีการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ก็จะส่งผลต่อความเข้าใจ ทัศนคติ และความคิดเห็นของประชาชนผู้รับสารดังกล่าว
ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กำลังดำเนินงานภายใต้มาตรการการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถกระทำได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว จำนวนเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังมีการประนีประนอมต่อผู้กระทำผิดพ.ร.บ.อุทยานฯ รวมถึงระบบการประสานงานระหว่างกันยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถคำนวนปริมาณนักท่องเที่ยวได้อย่างแม่นยำ และพบว่า ขณะนี้ทางอุทยานฯ ได้มีมาตรการจองบ้านพักออนไลน์ ซึ่งระบบดังกล่าวคงที่แล้ว และกำลังเริ่มทดลองระบบจองเต๊นท์ออนไลน์อย่างจริงจัง แต่ ณ ตอนนี้ระบบจองเต๊นท์ออนไลน์ยังไม่คงที่เท่าที่ควร ทำให้ไม่สามารถคำนวณตัวเลขนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในอุทยานฯ ได้อย่างแม่นยำ ผู้ให้ข้อมูลหลัก เสนอว่า หากจำนวนนักท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เต็ม ให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวไปกางเต๊นท์ที่อุทยานฯ ข้างเคียง นั่นคืออุทยานแห่งชาติทับลาน ปางสีดาและตาพระยาตามลำดับ เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดกับธรรมชาติ รวมถึงผลกระทบด้านอื่น ๆ ได้แก่ ปัญหาห้องน้ำไม่เพียงพอและปัญหาขยะที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังพบว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวส่งผลกระทบทางลบต่อทรัพยากรการท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่เกิดความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว มีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งงบประมาณการสนับสนุนด้านบุคลากร ความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมของบุคลากร วัฒนธรรมและขนบธรรมเนีบมประเพณี รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ทัศนคติต่อการให้ความสำคัญและคุณค่าที่มีต่อพื้นที่เหล่านั้น
1) แนวทางการแก้ไขด้านนโยบายและบุคลากรอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ควรจัดทำแผนการจัดการอุทยานฯ ให้เป็นรูปธรรม จัดสรรงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปีมาจัดจ้างบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการบริหารจัดการและพัฒนาในด้านต่าง ๆ อีกทั้งควรนำแนวคิด 7 Greens Concept มาปรับใช้ในส่วนของการท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ เช่น 1.1) Green Heart (หัวใจสีเขียว) การจัดโครงการที่สร้างทัศนคติที่ดีและให้ ตระหนักถึงคุณค่าสิ่งแวดล้อม 1.2) Green Logistic (รูปแบบการเดินทางสีเขียว) รูปแบบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1.3) Green Community (ชุมชนสีเขียว) รณรงค์ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงจุดยืนถึงความร่วมมือกันของชุมชนท้องถิ่น 1.4) Green Attraction (แหล่งท่องเที่ยวสีเขียว) หมั่นดูแลรักษาและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯ ไม่ให้มีสภาพเสื่อมโทรม 1.5) Green Activity (กิจกรรมสีเขียว) จัดกิจกรรมสำหรับที่แฝงไปด้วยการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม 1.6) Green Service (การบริการสีเขียว) รณรงค์ให้ลดปริมาณการใช้วัสดุที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 1.7) Green plus (ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม) รณรงค์ให้มีการจัดกิจกรรมด้านการส่งเสริมสิ่งแวดล้อม หรือรณรงค์ให้มีการบริจาครายได้ส่วนหนึ่งให้กับกองทุนเพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์อุทยานแห่งชาติในประเทศไทย
2) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ควรหาวิธีจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกต้นไม้โตไวขึ้นมาทดแทนป่าสงวนที่ถูกทำลาย รวมไปถึงปลูกพืชและต้นไม้ที่เป็นอาหารของสัตว์ป่า เพื่อไม่ให้สัตว์ป่าออกมาหาอาหารในพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ซึ่งจะส่งผลให้การดำรงชีวิตของสัตว์ป่าเปลี่ยนแปลงไป
3) แนวทางการแก้ไขด้านการป้องกันทรัพยากรธรรมชาติ ควรให้ความสำคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค ความปลอดภัย เครื่องมือสื่อสาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า
4) แนวทางการแก้ไขด้านการจัดการนักท่องเที่ยวและนันทนาการในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ควรจริงจังกับมาตรการการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวโดยนำประโยชน์จากเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านความถูกต้องแม่นยำของระบบฐานข้อมูล ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอให้มีการใช้ “National Parks of Thailand Card” คือ บัตรผ่านอุทยานฯ ที่ใช้แสดงตัวตนของผู้ถือบัตร โดยบัตร 1 ใบสามารถใช้ได้กับทุกอุทยานฯ ในประเทศไทย เป็นการลดการใช้กระดาษ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังสามารถนับสถิติของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวอุทยานฯ ในประเทศไทยได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
5) แนวทางการแก้ไขด้านสังคม หน่วยงานภาครัฐ ควรมีนโยบายในกระตุ้นการสร้างจิตสำนึกที่ดี ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ของคนในชุมชน โดยมีการสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้เคียง เสริมสร้างความพร้อมด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งเสริมให้คนในชุนชนผลิตสินค้าให้โดดเด่นด้านเอกลักษณ์ วัฒนธรรม และยังเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วย